ประวัติศาสตร์ยุโรป ยุคเรเนอซองส์ 1500-1800 AD.
ยุโรปสมัยฟื้นฟูศิลปะวิทยาการ
ผลจากสงครามครูเสด
ทำให้สังคมยุโรปเปลี่ยนแปลงไป
วัฒนธรรมเปิดใหม่
ผู้คนเริ่มสนใจในความเป็นมนุษย์มากกว่าพระเจ้า การค้าทำให้ชนชั้นกลางเริ่มมีฐานะ อำนาจของขุนนางและจักรพรรดิ์ลดถอยลงไป
คนเริ่มสนใจในตำราความรู้ดั้งเดิม จึงเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่
การฟื้นฟูศิลปวิทยาการ
(Renaissance)
มาจากภาษาฝรั่งเศส หมายถึงการเกิดใหม่ Re-birth ของการศึกษา การฟื้นฟูอุดมคติ
ศิลปะและวรรณกรรมของกรีกและโรมัน
เป็นยุคเริ่มต้นของการแสวงหาสิทธิเสรีภาพและความคิดอันไร้ขอบเขตของมนุษย์
ของมนุษย์ที่เคยถูกจำกัดโดยกฎเกณฑ์และข้อบังคับของคริสต์ศาสนา
ยุคการฟื้นฟูศิลปะวิทยาการเริ่มต้นในราวคริสต์ศตวรรษที่
14 และสิ้นสุดลงในกึ่งกลางคริสต์ศตวรรษที่ 17
โดยถือว่าเป็นจุดเชื่อมต่อของประวัติศาสตร์สมัยกลางและสมัยใหม่
ยุคเรเนซองส์
(Renaissance)
อยู่ในช่วงศตวรรษที่ 14-15
เป็นยุคฟุ่มเฟือยที่สุด หรูหราที่สุด กามารมณ์ที่สุด
เป็นชื่อช่วงเวลาหรือยุคแห่งการฟื้นฟูศิลปวิทยาการในยุโรป
หลังจากที่ได้ผ่านยุคกลางหรือยุคมืด ( Medieval Age ) ซึ่งกินระยะเวลายาวนานกว่า 1000 ปี
ตั้งแต่ประมาณศตวรรษที่ 5 ถึง 15
· การรุ่งเรืองและล่มสลายของอาณาจักรโรมัน
· การเสื่อมของโรมและการเติบโตของคอนสแตนติโนเปิล
· การแผ่ขยายอำนาจของอาณาจักรออตโตมัน
(มุสลิม - เติร์ก)
· สงครามครูเสดระหว่างคริสต์และมุสลิมเพื่อแย่งชิงแผ่นดิน
ศักดิ์สิทธิ์
· สงครามหนึ่งร้อยปีระหว่างอังกฤษและฝรั่งเศส
· นักบุญ
Jon
of Arc, ความศรัทธาในศาสนาอย่างแรงกล้า
อำนาจที่มากขึ้นของฝ่ายศาสนจักร
เรอเนซองส์ จึงเหมือนกับการกลับมาเกิดใหม่ของศิลปะ และหรือ
ยุคแห่งการฟื้นฟูศิลปะวิทยา การในยุโรป
ชาวอิตาลี
เป็นผู้ริเริ่มพัฒนาศิลปะการประดิษฐ์ดอกไม้ ไฟขึ้นดอกไม้ไฟรูปแบบใหม่ ๆ
ถือเป็นที่เกิดขึ้นในยุคนี้โดยมีการดัดแปลงเพิ่มโลหะกับถ่านไปในส่วนผสมที่
ใช้ทำจรวดซึ่งเมื่อปล่อยขึ้นฟ้าก็จะเปล่งประกายแสง
การปฏิรูปคริสตศาสนา
การปฏิวัติวิทยาศาสตร์
แนวคิดเรื่องมนุษย์นิยมที่เปลี่ยนไป
วัฒนธรรม
ของยุคโบราณเช่นกรีก
รวมถึงทัศนะมนุษยนิยมซึ่งต่างจากในยุคกลางที่มีพระเจ้าเป็นศูนย์กลางของ ชีวิต
นั่นคือ การกลับมาเน้นเรื่องของ ปัจเจกนิยม
มนุษย์ไม่ได้มีชีวิตอยู่เพื่อพระเจ้าเท่านั้น
ดังนั้นเขาจึงสามารถแสวงหาความสุขให้กับชีวิตบนโลกนี้ได้
การมองโลก
แบบนี้ทำให้เกิดเสรีภาพใหม่ในการพัฒนาตนเอง มีการพัฒนาการในเรื่องของ
ศิลปะและสถาปัตยกรรม, วรรณคดี, ดนตรี, ปรัชญา, และวิทยาศาสตร์
การปฏิรูปคริสตศาสนา
มีการท้าทายอำนาจของศาสนจักรเพราะเริ่มมีทัศนะใหม่ที่ว่าความสัมพันธ์
ระหว่าง ปัจเจกกับพระเจ้า กลับมีความสำคัญมากกว่าความสัมพันธ์ระหว่าง
มนุษย์กับคริสตจักร ในฐานะที่เป็นองค์กร บุคคลสำคัญในเรื่องนี้คือ มาร์ติน ลูเธอร์
เมื่อ
มาร์ติน ลูเธอร์ สงสัยในศาสนจักรจากการที่องค์สันตะปาปา
ขายใบไถ่บาปเพื่อนำเงินไปสร้างมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ ที่โรม นั่นหมายความว่า
"ใครมีเงินก็เข้าสู่สวรรค์ได้" เขาจึงประท้วง (Protest)
ศาสนจักรโดยติดใบประท้วงตามโบสถ์ต่างๆ อันเป็นที่มาของ
นิกายโปรเตสแตนต์
สันตะปาปาตอบโต้ทันที ออกคำสั่ง "บัพชนียกรรม" ทำให้ลูเธอร์ต้องหนีไปเยอรมัน โชคดีกษัตริย์เยอรมันยอมรับแนวคิดของเขา
จึงได้อุปการะไว้
ดังนั้นเขาจึงได้ตั้งนิกายใหม่โดยไม่ขึ้นกับโรมอีกต่อไป
![]() |
มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์
|
การปฏิวัติวิทยาศาสตร์
มีการพัฒนาการพิมพ์ขึ้นในประเทศเยอรมนีโดย
โยฮันน์ กูเทนแบร์ก เป็นผู้ผลิตนวัตกรรม เครื่องพิมพ์ ขึ้นมาเป็นครั้งแรกของโลก
เมื่อ ค.ศ.1447 ทำให้เกิดการเผยแพร่ความรู้
แทนการเขียนได้อย่างกว้างขวาง เมื่อข่าวสารสามารถแพร่หลาย ทำให้มนุษย์เริ่มเชื่อมั่นในสติปัญญา
และแสวงหาความรู้เพิ่มเติมได้อย่างไร้ขีดจำกัด
การพิมพ์ได้เริ่มมีการสร้างสรรค์ขึ้นอย่างจริงจัง นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
การปฏิวัติอุตสาหกรรม
การปฏิวัติอุตสาหกรรม
· เริ่มแรกที่อังกฤษ
ราวคริสต์ศตวรรษที่ 18 ได้แก่เกษตรกรรม
โดยการปิดล้อมรั้วที่นา กำเนิดธนาคารกลาง เป็นแห่งแรก
· การผลิตเครื่องปั่นด้าย
สปินนิงเจนนี่ ทำให้ทุ่นเวลาการผลิต มีผลให้ราคาผ้าฝ้ายลดลง
อุตสาหกรรมการทอผ้าขยายตัว
· เจมส์ วัตต์ ค.ศ.1769 ผลิตเครื่องจักรไอน้ำ มาใช้งานด้วย ทำให้อุตสาหกรรมถลุงเหล็กก้าวหน้า
· จุดเปลี่ยนการปฏิวัติอุตสาหกรรมในยุโรป
คือ เมื่ออังกฤษผลิตรถไฟขึ้นเป็นสายแรและกระจายไปทั่วประเทศ
ทำให้การขนส่งสินค้าสะดวกขึ้น นำความเจริญจากเมืองสู่ชนบท ทำให้ประเทศอื่น ๆ
ในยุโรปตื่นตัวกันมาก และหันมาสนใจอุตสาหกรรมอย่างจริงจัง
นักวิทยาศาสตร์
นิโคลัส
โคเพอร์นิคัส - โปแลนด์ ค.ศ. 1473-1543 อธิบายทฤษฎีระบบสุริยะจักรวาล
โลกไม่ได้เป็นศูนย์กลางของจักรวาล
แต่โลกเป็นบริวารและหมุนรอบดวงอาทิตย์
แนวคิดนี้ทำให้ขัดแย้งกับความเชื่อดั้งเดิม และความเชื่อของศาสนจักร
ไอแซก
นิวตัน - อังกฤษ ค.ศ.1642-1727 ค้นพบแรงดึงดูดของจักรวาล แรงโน้มถ่วงของโลก
ศิลปกรรม – วรรณกรรม
ยุคกลาง เน้นในเรื่องของความศักดิ์สิทธิ์ ความเป็นศูนย์กลางของชีวิต สวรรค์
พระเจ้า
ยุคฟื้นฟูฯ
เป็นงานที่เพื่อตอบสนองต่ออารมณ์และความรู้สึกของศิลปินและผู้ชมงานมากขึ้น
และขยายขอบเขตออกไปอย่างกว้างขวางทั้งประติมากรรม จิตรกรรม และสถาปัตยกรรม
การใช้วิธีและรูปแบบใหม่ในการวาดภาพ
เช่น เรื่องของ perspective, เน้นกายวิภาคที่เป็นจริงมากขึ้น
![]() |
เดอะวิทรูเวียนแมน
- ลีโอนาโด ดาวินชี
|
ในยุคเดียวกันนี้ก็เริ่มเป็นยุคเสื่อมของ
อาณาจักรเขมร หลังจากพระเจ้าชัยวรมัน ที่ 7
ผู้สร้างนครธม สิ้นพระชนม์ และการเติบโตขึ้นของอาณาจักรสุโขทัยและอยุธยา
จนในต้นศตวรรษที่ 15
อาณาจักรเขมรก็ตกอยู่ภายใต้อำนาจของอยุธยาโดยสิ้นเชิง
สถาปัตยกรรม
สร้างวิหารเซนต์ปิเตอร์
และวิหารเซนต์ปอล
ประติมากรรม
ที่โดดเด่น
ได้แก่ ผลงานของไมเคิล แองเจลโล คือ
รูปสลัก เดวิด
: รูปชายหนุ่มเปลือยกาย , รูปสลัก
ลาปิเอตา : รูปพระแม่ประครองพระเยซู
![]() |
รูปพระแม่ประครองพระเยซู
|
จิตรกรรม
เริ่มมีการเขียนภาพสามมิติ
( Perspective
)
ศิลปินและภาพวาดที่สำคัญได้แก่ ผลงานของ
ไมเคิล
แองเจลโล ได้แก่ ภาพ “การตัดสินครั้งสุดท้าย” ( The last judgement )
ลีโอนาโด
ดาวินชี ได้แก่ ภาพ “โมนาลิซา ” และ “อาหารมื้อสุดท้าย”
(The last supper)
ราฟาเอล
ได้แก่ ภาพพระแม่ พระบุตรและจอห์น แบบติสต์ แสดงความรักต่อแม่ที่มีต่อบุตร
เป็นภาพเหมือนจริงที่มีชีวิตจิตใจ
วรรณกรรม
1. เน้นแนวมนุษยนิยม
ใช้ภาษาท้องถิ่นแทนภาษาละติน
2. วรรณกรรม
สำคัญ ได้แก่
· เจ้าผู้ครองนคร
( The
prince ) ของ นิโคไล มาเคียเวลลี บรรยายถึงศิลปะการปกครองของเจ้านคร
· Utopia
ของ โทมัสมอร์ กล่าวถึงเมืองในอุดมคติที่ปราศจากความเลวร้าย
· คัมภีร์
ไบเบิลใหม่ของ อีรัสมุส แห่งรอตเตอร์ดัม
· บทละครของ
วิลเลี่ยม เชกสเปียร์ ได้แก่ โรมีโอและจูเลียต เวนิสวาณิช คิงเลียร์ แมคเบท
ฝันคืนกลางฤดูร้อน เป็นต้น ซึ่งบทละครเหล่านี้จะสะท้อนให้เห็นถึงอารมณ์ อุปนิสัย
และการตัดสินใจของมนุษย์ในภาวการณ์ต่างๆกัน
ปรัชญาแนวคิดสำคัญ
มนุษย์นิยม
ธรรมชาตินิยม รวมกับแนวคิดของศาสนาตริสต์
นักปราชญ์
โทมัส
ฮอบ -
เชื่อว่ามนุษย์ต้องเชื่อเหตุผลและวิทยาศาสตร์ สนับสนุนระบบกษัตริย์
จอห์น ล็อค - มีอิทธิพลต่อแนวคิดประชาธิปไตยสมัยใหม่ เชื่อว่าประชาชนเป็นที่มาของอำนาจทางการเมืองและจัดตั้งรัฐบาล
มอง เตสกิเออร์ - มีแนวคิดเรื่องกฎหมายของแต่ละสังคมที่บัญญัติขึ้นอยู่กับแต่ละสภาพของท้อง ถิ่นนั้น ๆ และอำนาจการปกครองต้องมี 3 ฝ่าย คือ นิติบัญญัติ บริหาร และตุลาการ
วอลแตร์ - คัดค้านระบบการปกครองแบบเผด็จการ (กษัตริย์) การใช้สติปัญญาและเหตุผลสามารถแก้ไขปัญหาสังคม และการเมืองได้
อ้างอิงจาก ::
http://social-ave.exteen.com/20110209/entry-1
อ้างอิงจาก ::
http://social-ave.exteen.com/20110209/entry-1
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น